วันนี้ฉันได้มีโอกาสลงทะเบียนของรามทางอินเตอร์เน็ตเป็นครั้งแรก สำหรับภาคการศึกษา 2/2558 เขาให้ลงทะเบียนทางเน็ตได้ตั้งแต่วันที่ 6 - 17 มค. 2559 เท่านั้น
วันนี้เขาให้ลงทะเบียนได้วันแรก ฉันก็คิดว่าลงทะเบียนให้เสร็จ ๆ ไปเลยแล้วกัน เผื่อมีปัญหาอะไรจะได้มีเวลาแก้ไข ขั้นตอนก็ไม่ยุ่งยากอะไร เข้าเน็ตหน้ากูเกิล แล้วพิมพ์คำว่า ลงทะเบียนทางเน็ตราม
หรือคล้าย ๆ อย่างนี้ แล้วก็คลิกเข้าเว็บไซต์สำหรับลงทะเบียนที่ขึ้นมา
อ้อ อย่าลืมจดรหัสวิชาที่เราจะลง และเวลาเรียนเวลาสอบให้เรียบร้อยก่อนมาจาก มร. 30
พอกดเข้าไปในหน้าขอลงทะเบียน ก็ทำตามขั้นตอนที่เขาบอกโดยเริ่มจาก
ลงทะเบียนขอรหัสผ่าน (รหัสผ่านนี้ใช้ได้เทอมเดียว เทอมหน้าถ้าจะลงใหม่ก็ต้องขอใหม่) จากนั้นก็ลงทะเบียน พอเสร็จทุกขั้นตอนแล้ว (กินเวลาราว ๆ 2-3 นาทีเท่านั้นเอง) เขาจะมีใบเสร็จให้เราปรินท์ออกมาเพื่อไปจ่ายเงินที่ธนาคารไทยพาณิชย์ พอไปจ่ายเงินเสร็จแล้ว ผ่านไปสัก 4-5 วันก็อย่าลืมเข้าไปที่เว็บไซต์เพื่อตรวจสอบผลการลงทะเบียน และหลังจากนั้น วันไหนที่เราไปมหาวิทยาลัยก็ไปรับเสร็จได้ที่ ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ ตึก KLB ชั้น 1
เท่าที่อ่านมาจากในเน็ตเขาบอกว่าถ้าเป็นไปได้ให้ลงทะเบียนก่อนวันสุดท้าย เพราะวันสุดท้ายคนจะลงเยอะ เน็ตจะช้า ทำให้อาจมีปัญหา
ถ้าใครยังไม่เคยลงทะเบียนแบบนี้ก็ขอให้ลองดูเพราะสะดวกมากเลยทีเดียวเพราะไม่ต้องไปที่มหาวิทยาลัยและก็น่าจะสะดวกกว่าวิธีลงทะเบียนทางไปรษณีย์
เรียนคณิตศาสตร์ ไม่ง่าย ไม่ยาก
Tuesday, January 5, 2016
Tuesday, September 1, 2015
เรียนรามกับเรียนมสธ. แตกต่างกันอย่างไรบ้าง
ก่อนฉันจะลงเรียนรามเพื่อเอาปริญญาตรีอีกใบนั้น ฉันไปซื้อใบสมัครของทั้งรามและมสธ.
มาลองอ่านเปรียบเทียบกันดู แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจลงของราม (เหตุผลก็คือที่มสธ. ไม่มี
สาขาที่ฉันอยากจะเรียน)
ทั้งสองแห่งมีข้อดี ข้อเสีย ต่างกันอยู่บ้าง
ราม
มสธ.
มาลองอ่านเปรียบเทียบกันดู แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจลงของราม (เหตุผลก็คือที่มสธ. ไม่มี
สาขาที่ฉันอยากจะเรียน)
ทั้งสองแห่งมีข้อดี ข้อเสีย ต่างกันอยู่บ้าง
ราม
- มีสาขาให้เลือกเรียนเยอะกว่า
- เป็นมหาวิทยาลัยตลาดวิชา (ไม่ใช่มหาวิทยาลัยเปิด) คือมีชั้นเรียนให้เข้าเรียน ถ้าเราอยากจะเข้า
- วิชาเรียนส่วนใหญ่จะวิชาละ 3 หน่วยกิต (มี 1-2 หน่วยกิต บ้างเหมือนกัน)
- ค่าหน่วยกิตละ 25 บาท เท่านั้น
- จัดสอบปลายภาคในวันธรรมดา เช่น ถ้าเราลงเรียน 6 วิชา ในหนึ่งเทอม ก็มีโอกาสมากว่าเราจะต้องเข้าสอบในวันธรรมดาถึง 6 วัน ใครที่ทำงานอยู่แล้วไม่แน่ใจว่าจะลางานได้ ต้องพิจารณาตรงจุดนี้ให้ดี
- ตำราเรียนไม่แพงเลย ฉันไปเดินศูนย์หนังสือของรามมาแล้ว 3-4 รอบ ราคาตำราเรียนนั้นราว 30-50 บาท อาจมีบางเล่มแพงกว่าเล็กน้อย อย่างมากก็ 100 บาท ต้น ๆ
- เกรดเป็นแบบ A, B, C, D (แถมมีประจุด้วย) เหมือน ๆ ที่อื่นแล้ว
- ลงทะเบียนในเทอมธรรมดาเต็มที่ได้ 24 หน่วยกิต
- เวลาสอบก็ไปสอบที่มหาวิทยาลัย
มสธ.
- เป็นมหาวิทยาลัยเปิดที่เน้นให้ผู้เรียนศึกษาด้วยตนเอง
- ในแต่ละเทอม ผู้เรียนลงเรียนได้อย่างมาก 3 ชุดวิชา ชุดวิชาละ 6 หน่วยกิต (แต่ถ้าอยากจบเร็วกว่าปกติก็ลงสัมฤทธิบัตรเสริมได้)
- ค่าลงทะเบียนชุดวิชาหนึ่งราว 1,000 กว่าบาท (พันต้น ๆ ถึงพันกลาง ๆ ขึ้นกับชุดวิชาด้วย)
- ค่าหนังสือรวมอยู่ในค่าลงะเทียนของชุดวิชานั้นแล้ว แต่ถ้าอยากซื้อแยก เช่น ไม่ได้ลงเรียนมสธ. หรอกแต่อยากซื้อหนังสือมาอ่านเฉย ๆ ก็ได้เหมือนกัน เล่มหนึ่งก็ราว 300-400 บาท
- หนังสือเล่มใหญ่และหนาพอสมควร ใครไม่ชอบอ่านหนังสือเยอะ ๆ อาจจะไม่ชอบ
- มีแบบฝึกปฏิบัติสำหรับชุดวิชามาให้ฝึกทำ วิชาที่ฉันลงเรียนสัมฤทธิบัตรมา ข้อสอบเป็นแบบตัวเลือกทั้งนั้น ข้อสอบก็คล้าย ๆ ในแบบฝึกปฏิบัตินี่แหละ ไม่แน่ใจว่าวิชาที่ข้อสอบเป็นแบบอัตนัยจะเป็นแบบนี้เหมือนกันหรือเปล่า
- จัดสอบในวันหยุดเสาร์ อาทิตย์เท่านั้น ใครที่ทำงานวันธรรมดาอยู่ก็ไม่ต้องลางานไปสอบ เช่น ลงเรียน 3 ชุดวิชา ก็ไปสอบ เสาร์เช้า 1 ชุดวิชา เสาร์บ่าย 1 ชุดวิชา อาทิตย์บ่าย 1 ชุดวิชา อะไรอย่างนี้ (ตอนลงทะเบียนเราต้องดูเอง ให้เวลาสอบไม่ตรงกัน)
- สถานที่สอบก็จะเป็นโรงเรียนที่อยู่ใกล้ ๆ บ้านเรา (ตามที่อยู่ของเรา หรือเราจะเลือกโรงเรียนที่คิดว่าไปสะดวกก็ได้ แต่ถ้าเป็นต่างจัดหวัดอาจไม่มีให้เลือกมาก อาจมีแค่โรงเรียนประจำจังหวัด)
- เกรดมี ไม่ผ่าน - U, ผ่าน - S (เท่ากับเกรด 2.30) , ผ่านแบบคะแนนดี - H (เท่ากับเกรด 4)
Friday, August 7, 2015
จะเรียนรามดี หรือมสธ.ดี
หลังจากที่ฉันลงเรียนสัมฤทธิบัตรของมสธ. ไปได้สองหน ในสองชุดวิชา ก็มาคิด ๆ ดูว่าลองเรียนปริญญาตรีอีกใบจะดีไหม
พิจารณาดูแล้ว ก็คงลงเรียนที่รามหรือไม่ก็มสธ. นี่แหละ เพราะตอบโจทย์ฉันได้
ทั้งสองแห่งเน้นการเรียนด้วยตัวเองเป็นหลัก แต่รามนั้นมีการเรียนการสอนในชั้นเรียนด้วย
ถ้านักศึกษาอยากไปเข้าชั้นเรียนก็ทำได้
แถมทั้งสองแห่งยังมีค่าใช้จ่ายในการเรียนไม่แพง เหมาะกับสภาพกระเป๋าฉันเลย
ฉันลงทุนไปซื้อใบสมัครของทั้งสองแห่งมาอ่านดูอย่างละเอียด แน่นอนว่าถ้าจะเรียน
คณิตศาสตร์โดยตรงนั้นก็ต้องเรียนที่ราม เพราะที่มสธ.ไม่มีสาขานี้ ฉันคิดอย่างสองจิตร
สองใจอยู่พักหนึ่ง เกิดลังเลว่า เอ หรือจะลงเรียนวิทย์คอมที่มสธ.ดี เพราะถ้าเอาวุฒิเดิม
ไปสมัครก็ต้องลงเรียนอีก 18 ชุดวิชาเท่านั้น (แถมยังลงเรียนผ่านสัมฤทธิบัตรไปแล้ว 2 ชุดวิชา)
แต่คิดไปคิดมา เราอยากเรียนคณิตศาสตร์มากกว่า ก็เลยเลือกรามแล้วกัน
โพสต์ครั้งหน้าฉันจะเปรียบเทียบให้ดูว่า ทั้งสองแห่งมีข้อดีข้อเสียต่างกันอย่างไร
พิจารณาดูแล้ว ก็คงลงเรียนที่รามหรือไม่ก็มสธ. นี่แหละ เพราะตอบโจทย์ฉันได้
ทั้งสองแห่งเน้นการเรียนด้วยตัวเองเป็นหลัก แต่รามนั้นมีการเรียนการสอนในชั้นเรียนด้วย
ถ้านักศึกษาอยากไปเข้าชั้นเรียนก็ทำได้
แถมทั้งสองแห่งยังมีค่าใช้จ่ายในการเรียนไม่แพง เหมาะกับสภาพกระเป๋าฉันเลย
ฉันลงทุนไปซื้อใบสมัครของทั้งสองแห่งมาอ่านดูอย่างละเอียด แน่นอนว่าถ้าจะเรียน
คณิตศาสตร์โดยตรงนั้นก็ต้องเรียนที่ราม เพราะที่มสธ.ไม่มีสาขานี้ ฉันคิดอย่างสองจิตร
สองใจอยู่พักหนึ่ง เกิดลังเลว่า เอ หรือจะลงเรียนวิทย์คอมที่มสธ.ดี เพราะถ้าเอาวุฒิเดิม
ไปสมัครก็ต้องลงเรียนอีก 18 ชุดวิชาเท่านั้น (แถมยังลงเรียนผ่านสัมฤทธิบัตรไปแล้ว 2 ชุดวิชา)
แต่คิดไปคิดมา เราอยากเรียนคณิตศาสตร์มากกว่า ก็เลยเลือกรามแล้วกัน
โพสต์ครั้งหน้าฉันจะเปรียบเทียบให้ดูว่า ทั้งสองแห่งมีข้อดีข้อเสียต่างกันอย่างไร
Friday, May 15, 2015
โจทย์เกี่ยวกับสมการวงกลม
สมการวงกลมที่มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่จุดกำเนิด (0, 0) จะเขียนอยู่ในรูป
x2 + y2 = r2
โดยที่ r คือรัศมีของวงกลม
แต่ถ้าเป็นวงกลมที่ไม่ได้มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่จุดกำเนิดก็จะเขียนอยู่ในรูป
(x-a)2 + (y-b)2
= r2
โดยที่ a คือค่าของ x ที่จุดศูนย์กลาง
b คือค่าของ y ที่จุดศูนย์กลาง
r คือรัศมีของวงกลม
โจทย์: จงหาสมการวงกลมซึ่งมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ (4, 2)
รัศมียาว 3 หน่วย
(ฉันเอาโจทย์มาจากแบบฝึกปฏิบัติหน่วยที่ 2 ของชุดวิชา 96102 และเปลี่ยนแปลงค่าตัวเลขเล็กน้อย)
สมการจะอยู่ในรูป
(x-a)2 + (y-b)2 = r2
(x-a)2 + (y-b)2 = r2
จากข้อมูลที่โจทย์ให้
a คือค่าของ x ที่จุดศูนย์กลาง
ซึ่งในที่นี้คือ 4
b คือค่าของ y ที่จุดศูนย์กลาง ซึ่งในที่นี้คือ 2
r คือรัศมียาว 3
หน่วย
เพราะฉะนั้นก็จะเขียนได้ว่า (x-4)2 + (y-2)2
= 32 หรือ
(x-4)2
+ (y-2)2 = 9 คือคำตอบ
โจทย์: จงหาสมการวงกลมซึ่งมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ (-1, -5) รัศมียาว 2 หน่วย
แทนค่าที่โจทย์ให้มาลงไปในสมการ (x-a)2 + (y-b)2 = r2
ก็จะได้ (x-[-1])2+(y-[-5])2
= 22
จัดระเบียบให้เรียบร้อยก็จะได้เป็น
(x+1)2
+ (y+5)2 = 4
แต่ถ้าเขาให้โจทย์มาและให้เราหาจุดศูนย์กลางและรัศมีล่ะ
โจทย์: จงหาจุดศูนย์กลางและรัศมีจากสมการ x2 + y2 + 8x - 2y +1 = 0
(ฉันเอาโจทย์มาจากแบบฝึกปฏิบัติหน่วยที่ 6 ของชุดวิชา 30205 และเปลี่ยนแปลงค่าตัวเลขเล็กน้อย)
เมื่อพิจารณาดู สมการที่เราสามารถใช้หาจุดศูนย์กลางและรัศมีได้ง่ายที่สุดนั้นน่าจะอยู่ในรูป
(x-a)2
+ (y-b)2 = r2
ดังนั้นเราก็จะจัดสมการที่โจทย์ให้มาให้อยู่ในรูปนี้
จาก x2
+ y2 +8x -2y +1 = 0
ย้ายพจน์ที่ไม่มีตัวแปรอยู่ไปอีกด้านหนึ่ง x2 + y2 +8x -2y = -1
จัดพจน์ที่มีตัวแปรเหมือนกันไว้ด้วยกัน (x2 + 8x) + (y2 - 2y) = -1
จัดพจน์ในวงเล็บให้อยู่ในรูปกำลังสองสมบูรณ์ สำหรับฉันจะใช้วิธีเอา 2
ไปหารค่าที่อยู่หน้า x หรือ y ที่มีดีกรีกำลัง 1
เพราะฉะนั้น สำหรับ
x จะได้ 8/2 = 4 สำหรับจะได้
y -2/2 = -1
นำมาจัดให้อยู่ในรูปกำลังสองสมบูรณ์
(x + 4)2 = x2 + 8x + 16
(y-1)2 = y2 -
2y + 1
เมื่อนำสมการรูปกำลังสองสมบูรณ์ที่เรากระจายแล้วไปเปรียบเทียบกับสมการที่เราทำค้างไว้ด้านบน
(x2 + 8x) เปรียบเทียบกับ (x
+ 4)2 = x2 + 8x
+ 16
(y2 - 2y) เปรียบเทียบกับ (y - 1)2
= y2 - 2y + 1
จะเห็นว่าหากเราจะใช้ (x + 4)2แทนที่ (x2 + 8x) เราจะต้องลบ 16 จาก (x + 4)2 เพื่อให้ได้ค่าเหมือนกับรูปเดิม
และหากเราจะใช้ (y - 1)2 แทนที่ (y2 - 2y) เราจะต้องลบ 1 จาก (y - 1)2 เพื่อให้ได้ค่าเหมือนกับรูปเดิม
นำมาเขียนใหม่ได้ว่า (x + 4)2
-16 + (y - 1)2 - 1 = -1
ทำการย้ายข้างพจน์ที่มีแต่ตัวเลข
(x + 4)2 + (y-1)2
= 16 + 1 - 1
บวกลบพจน์ที่อยู่ทางด้านขวาให้เรียบร้อยจะได้ว่า
(x
+ 4)2 + (y-1)2 = 16
ซึ่งอยู่ในรูปที่เราสามารถบอกจุดศูนย์กลางและรัศมีได้อย่างง่ายดาย
จุดศูนย์กลางคือ (-4, 1) รัศมีคือรากที่สองของ 16 = 4 คือคำตอบ
Subscribe to:
Posts (Atom)